กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นยื่นของบประมาณสำหรับปี 2024 จำนวน 7.7 ล้านล้านเยน (1.8 ล้านล้านบาท) มากที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมจำนวน 43 ล้านล้านเยน(10.3 ล้านล้านบาท) ในช่วงระยะเวลา 5 ปี
ทางกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นมีแผนที่จะใช้เงินจำนวน 900,000 ล้านเยน หรือประมาณ 215,000 ล้านบาท สำหรับจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์และกระสุนปืน รวมถึงพัฒนาขีปนาวุธสกัดกั้นร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง และ การสร้างเครื่องบินรบรุ่นใหม่ภายใต้ความร่วมมือกับอังกฤษและอิตาลีคำพูดจาก เล่นเกมสล็อตออนไลน์
เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ อ้างซ้อมยิงเป้าหมายในเกาหลีใต้
ผู้นำญี่ปุ่น-ครม.สร้างความมั่นใจ โชว์รับประทานซาชิมิฟุกุชิมะ
ส่อเค้าตึงเครียด! สหรัฐฯ อนุมัติความช่วยเหลือทางทหารให้ไต้หวันครั้งแรก
การยื่นเสนอของบประมาณด้านกลาโหมสำหรับปีหน้าในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและจีน ค่อนข้างเปราะบาง โดยมีสาเหตุมาจากกรณีที่ญี่ปุ่นเริ่มต้นปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่ได้รับการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้จีนไม่พอใจและออกมาประกาศตอบโต้ด้วยการสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น
สำหรับการใช้จ่ายด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดเกือบ 10 ปีของญี่ปุ่น เกิดขึ้นหลังจากมีความกังวลต่อหลายปัจจัยทั้งศักยภาพการรบทางทะเลของจีน และความเคลื่อนไหวทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน รวมถึงอาวุธที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นของเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซียที่ได้เปลี่ยนความคิดของรัฐบาลญี่ปุ่นให้หันมาเสริมสร้างความเข้มแข็งของกำลังรบมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น เคยกล่าวถึงการส่งเสริมขีดความสามารถทางทหาร “เพื่อการรักษาสมดุลของความขัดแย้ง” ซึ่งจะรวมถึงการขยายขอบเขตการใช้อำนาจทางทหาร เพื่อรับมือสถานการณ์เฉพาะที่เชื่อมโยงกับสงครามระหว่างรัสเซียลและยูเครน ที่อาจเพิ่มแรงผลักดันให้จีนเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารต่อไต้หวัน ซึ่งจะสร้างแรงกระเพื่อมต่อไปถึงความขัดแย้งเรื่องหมู่เกาะพิพาท ในทะเลจีนตะวันออก
โดยรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเป็น 2 เท่า หรือคิดเป็น 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ให้ได้ภายในปี 2027